Wednesday, May 25, 2011

(Th-Trans) 110514 สัมภาษณ์ยูชอนเกี่ยวกับซองกยุนกวาน แสกนดัล ในนิตยสารญี่ปุ่น

สัมภาษณ์ยูชอนจากนิตยสาร “もっと知りたい!韓国のTVドラマ”
(‘Motto Shiritai Kankoku TV Dorama’ เจาะลึกละครเกาหลี) เล่ม 42

สัมภาษณ์: Choi Hyo-Jeong
เรียบเรียง Kim Ji-Eun
แปล (เป็นภาษาญี่ปุ่น): Karaki Yui

—ตอนที่ได้รับเสนอให้เล่นบทนี้ทีแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?
ผมได้รับเสนอบทนี้ตอนประมาณช่วงต้นปี 2010 อย่างแรกคือผมดีใจมากที่ได้รับเสนอให้เล่นบทอีซอนจุน ผมบอกไปว่าผมจะเล่นแน่นอนแต่คนที่บริษัทและรอบๆ ตัวผมต่างพากันวิตกกังวลอย่างมาก ถ้าจะพูดให้ดูดีก็คือพวกเขาเป็นห่วงครับ แต่ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังนัก สิ่งที่ใครๆ ก็พูดคือ “เด็กคนนี้มันจะไหวหรือ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? เค้าไปโดนใครทุบหัวมาหรือไง?” (เพราะ) เรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกของผมและที่หนักยิ่งกว่านั้นคือเป็นละครย้อนยุค ตัวแทนผมบอกว่า “บทซอนจุนมีบทพูดเยอะมากเลยนะและก็เป็นบทที่ยากมาก ทำไมไม่ลองเล่นบทอื่นแทนล่ะ?” แต่ผมดื้อดึงบอกพวกเขาไปว่า “ไม่ว่ายังไงผมก็จะเล่นบทอีซอนจุนครับ” ผมชอบตัวละครตัวนี้มากผมจึงขอร้อง CEO บริษัทตัวแทนโดยบอกว่าผมจะทำได้ดีและผมก็เลยได้เล่นบทนี้ครับ


—การแสดงเป็นสิ่งที่คุณอยากทำหรือเปล่า?
ใช่ครับ (การแสดง)เป็นที่สิ่งผมอยากทำมาตลอด การแสดงเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตั้งแต่ก่อนจะเดบิวต์


—คุณเริ่มเตรียมตัวแสดงตั้งแต่ได้รับเลือกให้รับบทเลยหรือเปล่า?
ตอนนั้นบทละครยังไม่เรียบร้อยดีครับผมเลยยังเตรียมตัวไม่ได้ บทละครออกมาหลังจากที่มีการเลือกนักแสดงบทอื่นๆ นอกจากบทยุนฮีแล้ว ผมจึงเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนั้น ผมคิดว่าผมใช้ชีวิตโดยมีบทติดมือ(ตลอดเวลา)อยู่สักเดือนนึงนะครับ ตอนนั้นอาจารย์คิมฮา-กยุนที่รับบทแดซาซองเป็นคนคอยสอนผมครับ


—ฉันได้ยินมาว่าคุณมีปัญหามากในการใช้โทนเสียงเวลาพูดบท
ใช่ครับ ผมคิดว่าผมติดขัดอยู่กับเรื่องโทนเสียงอยู่จนตอนที่สิบน่ะครับ ตอนนั้นผมใช้เวลาที่ผมมีอยู่น้อยนิดเพื่อลองฝึกพูดใช้เสียงหลายๆ แบบ พอหลังจากตอนที่สิบเป็นต้นไปผมก็เริ่มเข้าที่และผมก็สามารถพูดบทได้อย่างเป็นธรรมชาติ  (ในโทนเสียงแบบละครย้อนยุค)


—ในตอนแรกๆ มีอยู่หลายฉากเลยที่คุณต้องแสดงด้วยสีหน้านิ่งๆ มันยากใช่ไหม?
ตรงข้ามเลยครับ ผมมีปัญหากับฉากที่ต้องแสดงซอนจุนที่เป็นธรรมชาติมากกว่า อย่างเช่น ฉากที่ผมต้องบอกยุนฮีว่า “ถอดเสื้อผ้าออกสิ” (ในตอนที่ 3) ผมคงแสดงได้ง่ายขึ้นถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านั้นและนักแสดงก็คุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว แต่มันเป็นฉากที่อยู่ตอนต้นๆ เรื่อง ดังนั้นแม้ว่าผมจะพยายามแสดงให้ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติแล้วก็ตาม ผมก็ทำไม่ได้ และ NG (ถ่ายเสีย) ไปหลายรอบเลยครับ ตัวผมเองรู้สึกกระอักกระอ่วนตอนที่เล่นบทนั้น ดังนั้นผมเลยรู้สึกผิด ผมคิดว่าตอนนี้ผมน่าจะสามารถทำได้ดีกว่านั้นนะครับ


—การทำงานกับผู้กำกับเป็นอย่างไรบ้าง?
ส่วนใหญ่เราจะเริ่มถ่ายทำจากสิ่งที่ผมเตรียมตัวมาครับและผู้กำกับก็จะมาคอยเพิ่มเติมให้จากจุดนั้น ผมลองมาหลายรูปแบบแต่มาวันหนึ่งอยู่ๆ เขาก็บอกให้ผมแสดงฉากนั้นอีกแบบไปเลย แต่ผมก็ทำไม่ได้เลย มันออกมาเป็นแบบเดิมทุกทีเพราะผมซ้อมมาแบบนั้น ฉากนั้นเป็นฉากธรรมดาๆ ที่กินเวลาไม่ถึงสิบนาทีและบทก็ง่ายด้วย (ถอนหายใจ) ผมพูดบทพูดได้ไม่ดีเลย


—ฉันได้ยินมาว่าผู้กำกับติดคุณมาก
เขาสอนผมหลายอย่างมากเลยครับ เขาพูดแบบ “นั่นดีมากเลย นายเก่งมาก” บ่อยมากๆ แต่ส่วนใหญ่ผมก็จะแอบสงสัยว่าเขาชมผมจริงๆ เพราะเขาประทับใจการแสดงของผมจริงๆ หรือเปล่านะ ดังนั้น บอกตามตรงนะครับ ผมมักจะรู้สึกว่า “ถ้าผมทำแบบนี้ เขาจะพอใจหรือเปล่านะ? ผมอยากให้เขาชมผม”


—ฉันได้ยินว่ามุกตลกของคุณกับผู้กำกับเข้ากันได้อย่างดี
มุกตลกของผู้กำกับยังถือว่าไม่ผ่านอยู่นะครับ (ทุกคนหัวเราะ)


—ฉันได้ยินมาว่าผู้กำกับพูดอะไรบางอย่างกับคุณเรื่องการให้เล่นกล้ามตอนที่คุณจะต้องถ่ายฉากในตอนที่ 4 ที่คุณต้องโชว์รูปร่างของคุณ
เขาพูดติดตลกว่า “ทำไมนายไม่อัพหุ่นซะหน่อยล่ะ” แต่ไม่ได้บอกให้ผมเล่นกล้าม อีกอย่างผมไม่รู้สึกว่าซอนจุนจะมีกล้ามเยอะมากมายอะไร และปกติผมก็มีภาพที่ไม่ได้บึกบึนอยู่แล้วด้วยครับ ดังนั้นผมก็เลยเอาแต่พูดแบบนั้นและประเด็นนี้มันก็ผ่านไปเอง แต่ในเวลาเดียวกันอาอินออกกำลังเล่นกล้ามเอาจริงเอาจังมากครับ อาอินจะต้องดูดีในเสื้อผ้าโทรมๆ ดังนั้นเขาเลยต้องออกกำลังทันทีที่จบการถ่ายทำในแต่ละวัน แต่หลังจากที่เราถ่ายทำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็ไม่มีเวลาทำแบบนั้นแล้ว ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง (ช่วงการถ่ายทำละคร) (ยิ้ม) ผมรู้สึกว่าผมมีช่วงเวลาที่ดีมากในการถ่ายละครครับ


—คุณรู้สึกอย่างไรบ้างตอนที่คุณไปถ่ายทำครั้งแรก?
ผมรู้สึกเหมือนผมจะตาย (ยิ้ม)


—ประสบการณ์จากละครทางโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่นช่วยคุณได้บ้างหรือไม่?
มันต่างกันมากเลยครับ ผมได้รับบทละครช่อง BeeTV สองวันก่อนการถ่ายทำ หลังจากที่ผมมาถึงญี่ปุ่นผมก็พบผู้กำกับทันที ลองชุด ซ้อมอีกสามชั่วโมง แล้วก็เริ่มถ่ายทำที่จริงมันไม่น่าเรียกว่าการซ้อมได้ด้วยซ้ำ มันเป็นแค่การซ้อมพูดบทให้ดูเป็นธรรมชาติเท่านั้นเพราะบทเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมกังวลมากและท้อแท้เพราะว่าเราต้องถ่ายทุกฉากของผมให้เสร็จภายในสัปดาห์เดียว


—คุณจำวันแรกที่เริ่มการถ่ายทำได้ไหม?
ผมจำวันนั้นได้ดีเลยครับ ผมจะต้องเริ่มถ่ายตอนหกโมงเย็นแต่ผมไปถึงที่นั่นตั้งแต่บ่ายสาม(หัวเราะ) ผมตื่นเต้นมากเกินกว่าที่จะ(รอ)อยู่ในรถ ผมเลยเอาแต่เดินไปเดินมารอบๆ สถานที่ถ่ายทำ (หัวเราะ) วันแรกเป็นการถ่ายฉากที่ไม่มีบทพูดทั้งหมด เช่น ฉากที่แค่เดินอย่างเดียว ทีมงานก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน มันก็เลยเหมือนเป็นการทดลองถ่ายทำด้วย ฉากที่สองที่ผมถ่ายคือฉากที่ถ่ายกับซุนโดล (คนรับใช้) และนั่นเป็นฉากแรกที่มีบทพูดครับ


—มันเป็นฉากเกี่ยวกับอะไร?
มันเป็นตอนที่ซุนโดลมาคุยกับทั้งสี่คนแล้วผมก็คุยกับเขา แต่จริงๆ แล้วเราก็ถ่ายฉากนี้อีกรอบทีหลังครับ (หัวเราะ) มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมถ่ายในวันนั้นแล้วเราก็กลับไปถ่ายมันใหม่อีก ผมคิดกับตัวเองว่า “ว้าว การถ่ายแค่ฉากเดียวต่อวันเป็นแบบนี้นี่เอง” ผมไม่ได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับมันหรอกครับ แต่พอหลังๆ ตอนผมปวดท้อง “ผมคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นตอนที่ผมถ่ายแค่ฉากเดียวต่อวันจัง ผมหวังว่าเราจะทำอย่างนั้นได้อีก แค่วันนี้ก็ยังดี” (หัวเราะ)


—ตอนเจอปาร์คมินยองครั้งแรกคุณประทับใจอะไรบ้าง?
ตอนแรกเธอดูเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูง ซึ่งเป็นไปตามคาดอยู่แล้วเพราะเธอเป็นนักแสดง แต่พอผมมารู้จักเธอดีมากขึ้น เธอกลายเป็นคนมีความมุ่งมั่นมากกว่าที่ผมคิดไว้อีก(หัวเราะ) ผมไม่ได้หมายถึงความมุ่งมั่นในทางลบนะครับ เธอเป็นคนเอาการเอางานมากๆ ผมคิดว่าเธอแข็งแกร่งกว่าผู้ชายทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงสามารถผ่านการถ่ายทำโหดๆ ได้ด้วยรอยยิ้ม และทัศนคติทางด้านอารมณ์ของเธอก็โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับคนอื่น เราร่วมงานกันได้ดีครับ และเธอก็ปรับตัวเพื่อผมด้วย


—พวกคุณพยายามเพื่อกันและกันจริงๆ สินะ
ความพยายามของผมกับความพยายามของเธอมีพื้นฐานที่ต่างกันเพราะผมเป็นหน้าใหม่ที่เพิ่ง  เริ่มต้นงานแสดงแต่มินยองเป็นนักแสดงอยู่แล้ว มินยองจะทำท่าทางโต้ตอบแม้แต่ในฉากที่เธอไม่ได้ถูกจับภาพไปเพื่อช่วยผม และก็จะฝึกซ้อมกับผมด้วย ยกเว้นเวลาที่เธอเหนื่อยจริงๆ เธอจะทำอย่างนั้นให้ผมถึงแม้กระทั่งในฉากร้องไห้และฉากที่ต้องใช้อารมณ์มากๆ ผมเลยพยายามทำให้เธอเหมือนกันแต่เกือบตายเลยครับ (ยิ้ม)


—คุณมีฉากจูบด้วย ตอนถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง?
ถ้ามันเป็นแค่ฉากจูบ (ทั่วไป) ผมอยากให้มันเป็นจูบที่ดีและออกมาเป็นฉากจูบที่สวยงาม แต่พอผมมาคิดถึงซอนจุนผมคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นนักจูบที่เก่งสักเท่าไหร่ ดังนั้นผมเลยทำตามแนวคิดที่ว่า “ไม่ใช่จูบที่ช่ำชองแต่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี ไม่ยอมแพ้ให้ใครตราบใดที่อารมณ์พาไป ทำให้ดีที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เขาเป็นคนจูบไม่เอาไหน”(หัวเราะ) ผมได้เจอผู้กำกับวันนี้เป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน และเขาก็ชมผมว่า “ดีแล้วที่ผมแสดงแบบนั้น” เราถ่ายฉากจูบกันหลังจากที่ถ่ายละครทั้งวันทั้งคืนติดกันมาสามวันรวด ทีมงานพากันผลอยหลับตอนที่เรากำลังถ่ายทำ ดังนั้นตอนนั้นเป็นสถานการณ์ที่ผมไม่มีโอกาสจะได้ยินคำ(ชม)แบบนั้นและตอนนั้นผมก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่การที่ได้ยินคำพูดของผู้กำกับวันนี้แล้ว ผมคิดว่าความคิดของผมเข้ากับฉากนั้นได้ดีทีเดียว


—เวลาคุณคบกับใครในชีวิตจริงเป็นแบบไหน?
ผมเป็นคนตรงไปตรงมา จริงๆ นะครับ ผมไม่ได้คบกับใครมาเป็นเวลานานมากแล้ว ผมก็เลยชักไม่แน่ใจว่าเวลาที่ผมมีแฟนผมจะทำตัวยังไง ก่อนที่ความร้อนแรงจะก่อตัวขึ้น(ทำมือประกอบ) และผมจะแสดงความรู้สึกของผมออกมาทั้งหมด ผมจะคิดว่า “ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมจะสามารถแสดงความรูู้สึกของผมได้อีก ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้แสดงมันออกมาเลย” ดังนั้นผมจะแสดงความรู้สึกของผมออกมาอย่างเต็มที่เท่าที่ผมจะสามารถทำได้ แต่ถ้าผมแสดงความรักแบบนั้น มันดูจะทำให้อีกฝ่ายทรมานมากขึ้นเวลาที่ต้องเลิกกัน


—ซงจุงกิที่รับบทยอริมเป็นอย่างไรบ้าง?
พี่จุงกิเป็นคนที่เป็นกันเองและดีกับผมตั้งแต่ต้นเลยครับ เขาจะอ่านบทกับผมเพื่อช่วยให้ผมผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีเวลาทำความรู้จักกันมากนักเพราะว่าตารางงานที่ยุ่งมากแต่เราก็สนิทกันมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและก็คอยช่วยเหลือกัน พี่จุงกิอาจจะพูดห้วนๆ บางครั้ง แต่จะพูดด้วยจากใจจริงด้วยความเป็นห่วง แต่บางทีก็ฟังดูกระด้างไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ของเขาครับ


—แล้วความประทับใจของคุณที่มีต่อยูอาอินละ?
ตอนแรกผมคิดว่าอาอินเป็นคนหยิ่งมากที่สุดเลยครับ(หัวเราะ) ผมบอกเขาอย่างนี้หมือนกันเวลาเราไปดื่มด้วยกัน “นายดูเหมือนคนวางมาดนะ” ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นคนมุ่งมั่นและไม่สนใจอะไรมาก แต่เมื่อผมได้รู้จักเขาจริงๆ ผมกลับพบว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจใสซื่อและอ่อนไหวมาก เขายังเป็นคนใจดีและมีความรับผิดชอบสูงด้วยครับเราพูดกันว่าจะเจอกันหลังจากละครจบแตโชคร้ายที่เรายังไม่ได้มีโอกาสที่ว่าเลย


—เล่าให้พวกเราฟังถึงเรื่องสนุกระหว่างการถ่ายทำละครหน่อย
(คิดย้อนกลับไปแล้วก็เริ่มหัวเราะ) แจชินต้องสวมวิกผมตลอดเลยนะครับ หลังจากเวลาถ่ายทำจบในแต่ละวันอาอินถึงจะได้ถอดวิกออก อาอินจะให้ความสนใจกับจอนข้างหูของเขาเป็นพิเศษด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ผมก็เลยแกล้งพูดกับเขาว่า “ทำไมนายถึงสนใจจอนด้านข้างนักนะ” อาอินเป็นคนอ่อนไหวและตรงๆ แต่ตอนแรกผมไม่รู้ ในอีกทางนึงพอผมพยายามจะใส่วิกบ้าง ก็มีคนบอกผมว่าใส่แล้วไม่ได้ดูดีสำหรับผมเลย ทุกอย่างในเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกดีครับ


—ตอนสุดท้ายคุณมีหนวดด้วย
หนวด…. (ถอนหายใจหนัก) หนวดอันนั้นทำผมจะบ้าตาย ผมยังคงมองดูตัวเองกับหนวดนั่นไม่ได้เลย บอกตามตรงนะครับมันดูประหลาดมากๆ เลย ไม่ใช่หรือครับ? และเสียงตอบรับจากคนดูบอกว่า “ตาหนวดซอนจุน” (ยิ้มแหยๆ) ทันทีที่ผมใส่หนวดอันนั้น ผมยืนกรานว่า “ไม่ว่ายังไงผมไม่ยอมไปข้างนอกแบบนี้แน่นอน” มันประหลาดมากมากและผมก็อายมากและประหม่าจนผมพูดบทดีๆ ไม่ได้ ทีมงานรอบตัวผมเอาแต่พูดว่า “มันโอเคนะ โอเคนะ” แต่หน้าพวกเขาน่ะหัวเราะอยู่ (ยิ้ม) เพราะว่าพวกเขาเอาแต่พูดว่า “มันโอเคนะ” ไปหัวเราะไป ผมเลยยิ่งกังวลหนักกว่าเดิม ผมจึงไม่มีสมาธิในการแสดงเลยอย่างสิ้นเชิง


—เมื่อลองคิดย้อนกลับไปคุณคิดว่าซอนจุนเป็นคนยังไง?
หลังจากที่ถ่ายละครจบและผมได้ลองนึกไตร่ตรองถึงซอนจุน ผมคิดว่าจากตอนแรกจนถึงตอนสุดท้าย ซอนจุนแก้ปัญหาของตัวเขาได้ เป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเข้มงวดน้อยลงสัก 5~10% ตอนที่ซอนจุนหัวเราะนั้นไม่ใช่ว่าเขา(เปลี่ยน)จาก 0% เป็น 100% แต่แค่ 5~10% ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มากมายแล้วสำหรับซอนจุน การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดก็ถือว่ามากแล้วสำหรับซอนจุน ผมคิดว่าซอนจุนยังต้องเผชิญความยากลำบากและบททดสอบตลอดชีวิตของเขา ถึงแม้ว่าตอนจบจะจบลงอย่างสงบด้วยดี ผมไม่คิดว่าซอนจุนจะได้ใช้ชีวิตที่ปราศจากปัญหาอุปสรรคใดๆ ผมคิดว่าที่ไหนสักแห่งในใจเขานั้นเขาจะคอยเตรียมตัวรับมือกับปัญหาและไม่เคยอยู่อย่างวางใจได้เลย


—การเล่นนอกบทตอนไหนที่น่าจดจำมากที่สุด?
ฉากสุดท้ายครับ บทเดิมไม่ได้พูดถึงการเปิดหนังสืออย่างว่า ตอนที่เราเตรียมตัวถ่ายทำผู้กำกับก็บอกว่า “ทำไมเราไม่เอาหนังสืออย่างว่ามาใช้ล่ะ ผมเลยบอกว่า “เข้าท่าครับ” และก็กลายเป็นกระตือรือร้นด้วยซ้ำ “มันถึงเวลาที่ต้องใช้หนังสือเล่มนั้นแล้ว” ผมผลักยุนฮีลง จากนั้น (แสดงประกอบ) ผมก็พยายามคลำหาหนังสือแล้วหยิบมันขึ้นมาเพราะว่ามันคงดูตลกถ้าผมจะลุกขึ้นมาอีกรอบเพื่อหยิบมัน ดังนั้นผมเลยต้องผลักเธอลงไปแล้วก็อยู่ในท่านั้น หยิบหนังสือและพูดนอกบทขึ้นมาประโยคสองประโยค


—คุณเล่นผ่านไปได้ในเทคเดียวเลยหรือเปล่า?
ไม่ครับ เราถ่ายผ่านตอนเทคสาม แต่อันที่เราเลือกไม่ใช่อันที่ขำที่สุดนะครับ ผมพูดว่า “ในเวลาแบบนี้ข้ารู้สึกขอบคุณรุ่นพี่ยองฮาอย่างยิ่ง” (ทุกคนหัวเราะ) มันขำมากจนทุกคนที่นั่นพากันหัวเราะ ที่จริงตัวผมอยากใช้เทคนั้นมากกว่าแต่จังหวะเวลามันไม่ลงตัวเราเลยต้องถ่ายอีกรอบ หนนี้ผมพูด “ซุ” (เป็นเสียงที่เพื่อนร่วมชั้นอานโดฮยุนชอบทำ) คนส่วนใหญ่ไม่ทันได้สังเกตแต่ตอนท้ายสุดผมพูดว่า “ซุ” ซึ่งมีแต่เสียงของผมไม่เห็นหน้า การถ่ายทำครั้งสุดท้ายสนุกมาก เราถ่ายกันจนถึงหกโมงเย็นถึงแม้ว่าต้องออกอากาศตอนสี่ทุ่ม (หัวเราะ) หลังจากผมเสร็จเรียบร้อยทุกอย่างและกลับบ้านไปแล้วผมก็เป็นไข้และป่วยทันที


—อะไรคือเรื่องที่ยากที่สุดในการถ่ายทำ?
เรื่องที่ยากลำบากที่สุดคือตารางงานนรกมาก ไม่มีเวลานอนหรือแม้กระทั่งกิน


—คุณรอดมาได้ยังไง?
คองจินทัน? (หัวเราะ) ผมกินวันละครั้งอย่างไม่ยอมให้พลาด ผมคิดว่าเหตุผลที่ทำไมผมจึงอดทนผ่านการถ่ายทำอันยากลำบากแบบนั้นมาได้ก็คือนักแสดงที ต่างก็เชื่อจากใจจริงว่าละครสนุก นั่นคือสาเหตุที่ทีมงานก็ทนผ่านมาได้เหมือนกัน ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของผม ดังนั้นตอนแรกผมถึงไม่รู้(เข้าใจ)เรื่องนี้ แต่มันคือเรื่องจริงที่พวกเราได้รับพลังผ่านจากการตอบรับของคนดู การที่คนดูชอบละครและตั้งหน้าตั้งตารอดูตอนต่อไปมันทำให้ผมอยากทำให้ดีที่สุดและทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะทำการแสดงดีออกมา ผมคิดว่าสิ่งนั้นมอบความแข็งแกร่งให้ผมผ่านพันมาได้


—งานชิ้นนี้มีความหมายกับคุณอย่างไรบ้าง?
ผมเชื่อว่าในอนาคตผมคงจะทำงาน(ละคร) อีกหลายชิ้น แต่ไม่ว่างานชิ้นนั้นจะเป็นงานอะไร ทุกๆ งานต่างก็จะเป็นงานที่มีความหมายสำหรับผม แต่แน่นอนว่างานชิ้นแรกจะเป็นงานที่มีค่าน่าจดจำที่สุด ถ้า”ซองกยุนกวาน สแกนดัล” เป็นคนไม่ใช่งานละคร เขาก็เป็นคนที่บอกผมว่า “จงเล่นละครอย่างมีความสุข” ซึ่งเป็นคนที่สอนผมหลายสิ่งหลายอย่าง และให้โอกาสผมได้ขยายขอบเขตของตัวเองออกไป เพราะ”ซองกยุนกวาน สแกนดัล”ทำให้ผมคิดว่าผมสามารถมีผลงานดีๆ ได้อีกในอนาคตเช่นกัน มันทำให้ผมปรารถนาที่จะเป็นนักแสดงที่ดีมากกว่าเดิม ทำให้ผมท้าทายตัวเองมากขึ้นและให้โอกาสผมได้เติมเต็มความปรารถนาเหล่านั้น (ของผม)


Credit : Trans by: JiJi’s Paw Shared by: JYJ3+3rebelangels
Share by : pinku_myc@MICKY's HOME#POPCORNFOR2
DO NOT HOTLINK! TAKE OUT WITH FULL CREDITS.

No comments:

Post a Comment