Saturday, September 10, 2011

[Trans] สัมภาษณ์ ยุนโฮ กับ ชางมิน ใน TV GUIDE (กันยายน 2011)

ผ่านมาประมาณ 8 เดือนแล้วตั้งแต่การเริ่มต้นทำกิจกรรมใหม่ตั้งแต่เดือนมกราคม
โทโฮชินกิ ได้เปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่ทุกคนต่างก็ตั้งตาคอยกันเป็นเวลาสองปี!
อย่างที่พวกเขาบอกว่า "อยากจะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของพวกเรา"
เราจะสามารถเห็นพัฒนาการของพวกเขาได้ในอัลบั้ม TONE
ภาพลักษณ์ที่มั่นคงของพวกเขายังเขาไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ...


มิตรภาพระหว่างพวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นที่รู้โดยทั่วกัน
ถนนสายยาวที่ก้าวเดินไม่เคยเป็นทางที่เลือกผิด

[ อัลบั้มที่ทำให้โทโฮชินกิทั้งสองผูกพันแน่นแฟ้นมากขึ้น ]

TONE เป็นคำพ้องรูปที่จะมีความหมายทางด้านดนตรีก็ได้หรือในเรื่องของสีสันก็ได้ ถ้าหากวิเคราะห์รายละเอียดนี้อย่างถี่ถ้วน ก็จะสามารถยกระดับสถานะของศิลปินได้ ภายใต้คอนเซ็ปนี้ อัลบั้มที่ประกอบด้วยความร้อนแรงของทั้งสองจึงเสร็จสมบูรณ์

♥ชางมิน♥ อัลบั้มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้กับแฟนๆครับ เพราะนี่เป็นอัลบั้มแรกของเราตั้งแต่กลายมาเป็นคู่ดูโอ้ และเพื่อที่จะให้คนอื่นๆเห็นการเติบโตของพวกเรา เราจึงทุ่มเทกับแต่ละเพลงเป็นอย่างมาก

♥ยุนโฮ ผมคิดว่าการประสานเสียงคืออาวุธสำคัญของโทโฮชินกิ เพราะฉะนั้น การร้องเพลงประสานเสียงโดยมีแค่พวกเราสองคนจึงเป็นความท้าทายสำหรับเรา ไม่ว่าจะเป็นการร้องโดยให้ชางมินเป็นเสียงร้องหลักแล้วผมคอยเสริม หรือการร้องโดยให้ผมเป็นเสียงร้องหลักแล้วชางมินร้องเสริม ผมก็คิดว่าเราได้สร้างการประสานเสียงแบบใหม่จากการร้องแบบนี้

= ความผูกพันระหว่างพวกคุณแน่นแฟ้นขึ้นไหม? =

♥ยุนโฮ ผมคิดว่าเราสนิทกันมากขึ้นในระหว่างการเตรียมอัลบั้ม แค่มองหน้ากันเราก็สามารถเข้าใจกันได้ เพราะสไตล์ของชางมินกับผมมันต่างกัน 108 องศา...

♥ชางมิน♥ 180 องศาต่างหากครับ! (ชางมินรีบหยอกโดยทันที)

♥ยุนโฮ อ๊ะ~! 180 องศา (อาย) ผมคิดว่าเพราะสไตล์ที่แตกต่างของเรา เราจึงสามารถสร้างโทนใหม่ได้สำเร็จครับ

= ได้พบด้านใหม่ๆของอีกฝ่าย? =

♥ชางมิน♥ พูดตามตรงนะครับ ตลอดแปดปีที่ได้ทำงานด้วยกันมา ดูเหมือนว่าพี่ยุนโฮกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว เพราะฉะนั้น การให้นึกถึง "การค้นพบด้านใหม่ๆ" เป็นเรื่องที่ยาก...

♥ยุนโฮ (ปรบมือแล้วหัวเราะเสียงดัง)

♥ชางมิน♥ แต่ผมคิดว่า 'ชิอาวาเสะ อิโระ โนะ ฮานะ' เป็นเพลงที่แสดงถึงเสน่ห์ของพี่ยุนโฮที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

♥ยุนโฮ ผมคิดว่าเป็นแร็ปของชางมินครับ ถึงแม้ความเห็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับชางมินจะเป็นการร้องเพลงของเขา แต่ผมคิดว่าแร็ปของชางมินกลายเป็นสไตล์ของผู้ใหญ่แล้ว ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นอาวุธใหม่ของชางมินก็ได้นะครับ

= คุณอยากให้การแสดงในทัวร์คอนเสิร์ตที่จะเริ่มในเดือนมกราคมหน้าเป็นยังไง? =

♥ชางมิน♥ ผมอยากจะแสดงให้เห็นโทโฮชินกิที่เติบโตด้วยการแสดงและบทเพลงที่ 'ยกระดับ' และอยากจะแสดงความขอบคุณต่อแฟนๆที่เฝ้ารอตลอดมาครับ

♥ยุนโฮ สำหรับผม เวทีเป็นสิ่งที่สำคัญและยิ่งใหญ่มาก ผมไม่เพียงแต่อยากจะถ่ายทอดการแสดงที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ผมอยากจะส่งข้อความว่า "โทโฮชินกิได้ก้าวเดินผ่านถนนสายยาวนี้" อีกด้วย เวทีคือพื้นที่ที่ทำให้เรามีความสุข ช่วงหลังๆผมรู้สึกว่า "มีความสุขจริงๆเลย~" ด้วยครับ ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกมีความสุขที่สุดคือนาทีที่ได้ล้มตัวลงในบ้านของผมครับ (ยิ้ม)

♥ชางมิน♥ ผมก็มีความสุขที่ได้ยืนอยู่บนเวทีเช่นกันครับ โดยส่วนตัวแล้ว ช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดคือตอนที่ได้ดื่มเบียร์อย่างผ่อนคลายหลังจากการแสดงจบลง ได้สนุกไปกับช่วงเวลาที่สบายๆครับ

= คาดหวังอะไรในตัวอีกฝ่ายในอนาคตไหม? =

♥ชางมิน♥ ผมไม่ได้มีความคิดพวก "หวังว่าคนนั้นจะทำแบบนี้" หรอกครับ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้คาดหวัง...

♥ยุนโฮ ทำให้ผมกลัวนะเนี่ย!

♥ชางมิน♥ ถ้าสามารถรักษาสิ่งต่างๆไว้ได้แบบนี้ ผมก็จะมีความสุขมาก เพราะผมไม่ได้คาดหวังมากเกินไป

♥ยุนโฮ ผมก็คิดเหมือนกับชางมินครับ มิตรภาพของเราเป็นที่รู้โดยทั่วกัน เพราะฉะนั้น ผมก็อยากจะรักษาให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป และอยากจะตั้งใจทำงานเพื่ออนาคตที่กว้างไกลขึ้น

ต้องการจะท้าทายขีดจำกัดของโทโฮชินกิ
ต้องการที่จะเหนือกว่าขีดจำกัด
ต้องการที่จะกลายเป็นศิลปินที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี

~ ~ ~ ~ ~

[ ต้องการจะร้องเพลงกับทุกคนในคอนเสิร์ตของโทโฮชินกิ! ]

= คุณคิดยังไงหลังจากร้อง 'Introduction ~magenta~'? =

♥ชางมิน♥ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนเพลงกล่อมเด็กเลยครับ มันเป็นแบบที่เราไม่เคยร้องมาก่อน เพราะฉะนั้น เราเลยกังวลว่าจะร้องผิดแล้วออกมาเป็นเพลงกล่อมเด็กแทน (หัวเราะ) ผมคิดว่าเป็นเพราะเพลงนี้ เสน่ห์ของเพลงอื่นๆถึงได้โดดเด่น เราเลยร้องด้วยความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดครับ

♥ยุนโฮ ผมคิดว่าเพลงอินโทรแสดงให้เห็นถึงคอนเซ็ปของเพลงทั้งหมดครับ เพราะฉะนั้น เพลงนี้จึงเป็นตัวบ่งชี้ทัศนคติทั้งของชางมินและของผมในขณะที่เตรียมอัลบั้มกันอย่างขยันขันแข็ง

= แล้วเพลง "B.U.T." ที่ตามมาล่ะ? =

♥ชางมิน♥ ถ้าพูดถึงเพลงแดนซ์ของโทโฮชินกิตอนนี้ มันมีพลังมากครับ จริงๆแล้วมีอยู่หลายเพลงที่ทำให้พวกเราซึ่งต้องเต้น หายใจไม่ทันกัน (ยุนโฮเริ่มหัวเราะ) แน่นอนว่าเพลงนี้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่เนื้อเพลงจะแตกต่างจากเพลงแดนซ์ที่เราร้องก่อนหน้านี้ มันเกี่ยวกับการดึงดูดหญิงสาวคนหนึ่งโดยตรงครับ

♥ยุนโฮ นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ถ่ายฉากแอ็คชั่นในเอ็มวี ถึงแม้ผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเตะกลางอากาศในตอนแรก (หัวเราะ) แต่เพื่อที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นการเติบโตของพวกเรา ผมเลยรับความท้าทายนี้ และมันเป็นครั้งแรกที่ผมต้องใส่คอนแท็คเลนส์สีเทา ถึงมันจะเห็นไม่ชัดเท่าที่ผมคิดไว้ก็เถอะครับ (หัวเราะ) ฉากที่ผมแสดงและเซ็ตที่ใช้ถ่าย ซึ่งทุกคนต่างก็ทำงานหนักเพื่อสร้างมันขึ้นมาสามารถเข้ากันได้ดี มันน่าพอใจมากๆครับ

= แล้วเพลง 'Duet" ล่ะ? =

♥ชางมิน♥ เนื้อเพลงจะประมาณนี้ครับ "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องปกป้องคนที่รัก!" เป็นการแสดงความแบบลูกผู้ชายมาก

♥ยุนโฮ ชื่อเพลง Duet ทำให้ผมรู้สึกว่ามันคล้ายกับเราสองคนมาก มันคล้ายกับสไตล์ก่อนๆของโทโฮชินกิ และมีเสน่ห์ใหม่ๆ รวมถึงเนื้อเพลงอีกด้วย... เคยมีประสบการณ์แบบนั้นหรือเปล่าน่ะเหรอครับ? ผมเคยนะ (หัวเราะ) ผมก็เลยอัดเสียงขณะคิดถึงอดีตไปด้วย

~ ~ ~ ~ ~

[ เพลงบัลลาดที่ร้องจากใจจริง ผลงานชิ้นเอกใหม่เอี่ยมได้เกิดขึ้นแล้ว! ]

= ร้องเพลง 'ชิอาวาเสะ อิโระ โนะ ฮานะ' ด้วยอารมณ์แบบไหน? =
(T/N: ชิอาวาเสะ อิโระ โนะ ฮานะ แปลคร่าวๆคือ 'ดอกไม้แห่งสีสันของความสุข')

♥ชางมิน♥ ตอนที่เราได้ฟังตัวอย่าง เราก็รู้สึกว่านี่เป็นเพลงบัลลาดที่จะ 'ยกระดับ' โทโฮชินกิได้ เราจึงร้องโดยใส่ใจทั้งหมดลงไป โดยเฉพาะพี่ยุนโฮที่อัดเสียงเสร็จแล้วบอกว่า "อยากจะอัดทุกอย่างใหม่อีกครั้ง" แล้วเขาก็อัดเสียงทุกอย่างสองรอบครับ นี่เป็นเพลงที่เราอัดเสียงซ้ำหลายครั้งและทุ่มเทกับมันมาก

♥ยุนโฮ ถึงแม้โปรดิวเซอร์จะบอกว่ามันใช้ได้แล้ว แต่ผมก็ถามตัวเองว่าอะไรคือขีดจำกัดของโทโฮชินกิ และเราสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกขนาดไหน... แล้วก็รู้สึกว่า "ผมต้องทำงานให้หนักกว่านี้! ผมยังทำให้ดีกว่านี้ได้!" เพลงนี้เป็นเพลงที่ยาว ร่วมๆก็ 6 นาที 40 วินาที ก่อนหน้านี้มีเพลงบัลลาดที่อลังการอย่าง Bolero แต่เพลงนี้ซึ่งมีแนวคล้ายๆกัน จะมีคนร้องแค่เราสองคนใน 6 นาที 40 วินาที เพราะแบบนี้ ผมเลยอยากท้าทายขีดจำกัดครับ

= แล้วเพลง "Easy Mind" ล่ะ? =

♥ชางมิน♥ เป็นเพลงที่มีเนื้อเพลงสดใสและทำให้หายเครียดและมีความสุขได้ทันทีครับ เราร้องและอัดเสียงอย่างมีความสุข โดยนึกถึงการที่เพลงนี้จะสามารถทำให้บรรยากาศคึกครื้นขึ้นระหว่างการแสดง

= "Weep" เป็นเพลงแบบไหน? =

♥ยุนโฮ เราอัดเสียงด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจครับ สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่ามันคงจะดีหากเพลงนี้เป็นเพลงปิดคอนเสิร์ตของโทโฮชินกิ ถ้าหากทุกคนได้ฟังเพลงนี้และร้องไปพร้อมๆกันกับเรา ผมจะมีความสุขมาก

= เพลง Easy Mind และ Weep มอบให้แฟนๆใช่ไหม? =

♥ยุนโฮ ใช่ครับ มันมีความรู้สึกขอบคุณของเราที่มีต่อแฟนๆที่รอคอยเราอยู่ ถ้าหากคุณฟัง Easy Mind ดู จะมีเสียงผิวปากแปลกในตอนท้าย (หัวเราะ) ผมทำเสียงนั้นเองครับ ผมโดนชางมินแกล้ง (หัวเราะ) ชางมินบอกโปรดิวเซอร์ว่า "พี่ยุนโฮผิวปากเก่ง" ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่ได้เก่งเลย... แต่มันก็กลายเป็นสไตล์ที่โดดเด่นด้วยความรู้สึกแบบนั้น และมันก็คงนับเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจ ใน Weep จะมีท่อน 'ลาลาลา~' ในตอนท้าย และมันก็รวมความรู้สึกซาบซึ้งของพวกเราเอาไว้ด้วยครับ

= ช่วยบอกเพลงโปรดของคุณจากอัลบั้มนี้หน่อย =

♥ยุนโฮ ผมชอบ 'ชิอาวาเสะ อิโระ โนะ ฮานะ' ครับ มันเป็นผลงานชิ้นเอก แล้วก็เป็นบัลลาดแบบที่เราถ่ายทอดออกมา มันเป็นเพลงที่เราทุ่มเทมากจริงๆ ช่วยฟังกันได้นะครับ

♥ชางมิน♥ ของผมต้อง Why ครับ ผมคิดว่าเพลงนี้มีความสำคัญในการบ่งบอกถึงการเริ่มต้นใหม่ของโทโฮชินกิ และผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของโทโฮชินกิด้วยอัลบั้มนี้ครับ

= อัลบั้มจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงนี้! เพราะฉะนั้น ช่วยเล่าถึงความรู้สึกเกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงและสิ่งที่คุณนึกถึงหน่อย =

หลังจากที่ชางมินพูดว่า "ผมอยากทานโอเด้งร้อน" ยุนโฮก็บอกว่า "ผมก็อยากทาน~"

♥ยุนโฮ เกาลัดครับ ตอนที่อยู่มัธยมต้น ผมทำงานพาร์ทไทม์เกี่ยวกับเกาลัด (หัวเราะ) สถานที่ที่มีเกาลัดควรจะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามด้วย!

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ถ้าจะเอาออกไป กรุณาเอาเครดิตไปให้ครบค่ะ

credit: Lovin’YUNHO+smokycross:
trans by: rachui@sharingyoochun
แปลไทย: @minnappe (http://twitter.com/minnappe)

No comments:

Post a Comment