Saturday, February 19, 2011

[Th-Trans] 20110218 บลอคของคุณ @dogsul - dogsuldotcom - คดีความของ JYJ – จุดสิ้นสุดของการปกครองแบบปิตาธิปไตยของอีซูมาน

(ผู้แปลไทย- Patriarchal Leadership การปกครองแบบปิตาธิปไตย คือการปกครองแบบที่ให้ฝ่ายชาย (ในที่นี้หมายถึงพ่อ) เป็นผู้นำของกิจกรรมในครอบครัวทั้งภายในและภายนอกครอบครัว[1])



เมื่อวานนี้ ศาลแขวงกรุงโซล (แผนกคดีแพ่ง 50, หัวหน้าพนักงานอัยการ: Seong Joon Choi) ยกฟ้องคำขอคัดค้านของ SM Entertainment (SME) ทั้งสองคำร้องต่อคำสั่งห้ามชั่วคราวของ JYJ (แจจุง จุนซู ยูชอน) และ คำสั่งห้ามของ SM เพื่อให้ (JYJ) ยกเลิกสัญญาด้านบริหารจัดการที่ทำกับ C-Jes Entertainment ถึงแม้ว่าหลังจากนี้จะยังคงเหลือการฟ้องร้องคดีปกติอยู่ การตีความจากคำตัดสินของศาสที่ยกฟ้องคำขอคัดค้านของ SME (สามารถสรุปได้ว่า) SME ไม่ได้อยู่ในสถานะที่ดีกว่าในคดีความแต่อย่างใด (พูดตรงๆก็คือคำตัดสินจากคดีความเดิมนั้นสามารถถือได้ว่าเป็นคำตัดสินจริงไปมากกว่า 51%)

อันดับแรก เรามาดูสาเหตุที่ทำให้ศาลยกฟ้องคำขอคัดค้าน

- สัญญาผูกมัดในคดีนี้นั้นเป็นสัญญาแบบผู้เหนือกว่าและผู้ด้อยกว่า (dominant-subordinate contract) ซึ่งศิลปินไม่มีสิทธิในกระบวนการตัดสินใจ และมีแต่ต้องทำตามการการควบคุมแต่ฝ่ายเดียวของบริษัทต้นสังกัดเท่านั้น

- เนื่องจากสมาชิกของ JYJ อยู่ในสถานะการเจรจาต่อรองที่ด้อยกว่า SME แต่ฝ่ายเดียว พวกเขาจึงต้องทำตามข้อกำหนดของ SME

ข้ออ้างเช่น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน หรือ เพื่อประกันการขยายสู่ตลาดต่างประเทศให้มั่นคงนั้น ไม่สามารถนำมาอ้างเป็นเหตุผลของ (การทำ) สัญญาผูกมัดแบบข่มเหงที่มีระยะเวลายาวนานอย่างมากอย่างสัญญาในคดีนี้

- เนื่องจากไม่ใช่แค่เพียงสัญญาระยะยาวเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะข้อกำหนด อย่างเช่น คำสั่งและการควบคุมจัดการของ SM ที่มีเหนือทุกการกระทำของ JYJ และค่าชดเชยกรณีผิดสัญญานั้นสูงมากเกินควร เหล่านี้เป็นการทำให้ความเป็นผู้ด้อยของสัญญาในคดีนี้รุนแรงชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้สมาชิกของ JYJ ต้องกลายเป็นผู้ถูกเอาเปรียบแต่ฝ่ายเดียว และดังนั้นสัญญานี้จึงถือว่าเป็นโมฆะ

ด้วยเหตผลเหล่านี้ ศาลจึงยกฟ้องคำขอคัดค้านของ SME ที่ขอให้ยุติผลบังคับใช้ของสัญญาที่สมาชิกของ JYJ ทำกับ C-Jes Entertainment เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2009 ศาลออกคำสั่งห้ามเพื่อห้ามไม่ให้ SME แทรกแซงกิจกรรมโดยอิสระของสมาชิกของ JYJ และครั้งนี้ (ศาล) ได้ทำให้ชัดเจนอีกว่า SM ไม่สามารถควบคุมจัดการสมาชิกของ JYJ ได้ ดังนั้น SME จึงไม่มีโอกาสที่จะชนะคดีฟ้องร้องแรกได้



ผมคิดว่าคำตัดสินครั้งนี้นำไปสู่จุดสิ้นสุดของระบบปิตาธิปไตยของประธานอีซูมาน แก่นของแนวการปกครองของเขาคือกลยุทธ์น้ำร้อนน้ำเย็น: กล่าวคือตราบใดที่ศิลปินยังอยู่ในกรอบรั้วของ SM พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดี (เขาสนับสนุนแม้แต่สมาชิกของวงที่เลิกไปแล้วเพราะไม่เป็นที่นิยมด้วยการจ้างพวกเขาเป็นครูสอนร้องเพลงหรือครูสอนเต้น) แต่เมื่อพวกเขาออกจาก SM ไป พวกเขาจะต้องยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายไซบีเรีย ด้วยวิธีดังกล่าวนี้เขาจึงรักษาให้ศิลปินยังอยู่กับเขาได้

กลยุทธ์นี้อาจจะเคยมีประสิทธิภาพมาก่อนในการดูแลควบคุมบริษัทต้นสังกัดขนาดใหญ่ที่เน้นศิลปินแบบไอดอล ไม่ว่าจะ (เป็นการกระทำที่) ถูกหรือจะผิด วิธีการนี้ก็อาจจะมีประสิทธิภาพ แต่ ณ ตอนนี้กลุยทธ์นี้ได้ล่าสมัยหมดอายุไปแล้ว เช่นกันไม่ว่ามันจะถูกหรือจะผิด ตอนนี้มันก็ล้าสมัยไปแล้ว สมัยนี้สิ่งที่อยู่นอกรั้วไม่ใช่ทะเลทรายไซบีเรียอีกต่อไปแล้ว พวกเขามีฐานแฟนที่มั่นคง โดยเฉพาะ JYJ ที่มีฐานแฟนทั่วโลก

ถึงแม้ว่า JYJ จะถูกจำกัดการทำกิจกรรมในสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ปริมาณยอดขายของสื่อประเภทเสียงและอัลบั้มก้ไม่เคยน้อยหน้าใคร ถึงแม้จะมีการกีดขวางจากบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่อย่าง AVEX เพลงประกอบละคร (ที่พวกเขาเล่น) ก็ทำกำไรได้ดีในตลาดญี่ปุ่น ในตลาดนอกญี่ปุ่น SM ไม่ได้มีกองกำลังที่เป็นมิตรแต่อย่างใด มีเพียงแต่แฟนๆ รอบโลกและสื่อต่างชาติที่คอยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและการละเมิดสิทธมนุษยชน

ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ประธานบริษัท SM คุณอีซูมาน ควรจะเปลี่ยนแปลงโมเดลในการเป็นผู้นำของเขา เนื่องจาก SME เป็นบริษัทต้นสังกัดขนาดใหญ่ซึ่งมีพนักงานมากกว่า JYP หรือ YG ถึงสองหรือสามเท่า บริษัทมีสถานะที่เหมาะสมที่สุดที่จะสร้างศิลปินดารา ในเอเชียบริษัทได้สร้าง “ทางสายไหมแห่งกระแสเกาหลี” ซึ่งสามารถสร้างดาราในกระแสเกาหลีได้ ในฐานะบริษัทเอเชียที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Youtube อันดับ 1 บริษัท SME สามารถต่อสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยศักยภาพที่มีเหล่านี้ บริษัทต้องการ “กลยุทธ์แบบ win-win”

ความเป็นจริงก็คือความเป็นจริง ต่อให้ SM รอให้คำตัดสินของคดีฟ้องร้องแรกออกมาก่อน ผลพวงที่จะตามมาก็จะยิ่งสิ้นหวัง ตอนนี้ SM ควรมองภาพรวมและลงมืออย่างเฉียบขาด SM ควรจะมองภาพรวมเพื่อให้ “ยังอยู่ชินกิ” และ “ออกไปชินกิ”[2] สามารถทำงานด้วยกันได้ในตลาดโลก ด้วยการแก้ไขประเด้นที่ศาลระบุ ปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะศิลปิน และเสนอสัดส่วนรายได้ที่เหมาะสม การเป็นผู้นำแบบใหม่นี้คือสิ่งที่ประธานบริษัทอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม อี ซูมาน ควรจะต้องนำมาใช้

*****************************************

[1] อ้างอิงจาก http://kb.psu.ac.th/psukb/bitstream/2010/6146/7/Chapter5.pdf
[2] ผู้เขียนใช้คำว่า 남은 신기 นัมอึนชินกิ StayingXeinQui ผุ้แปลไทยจึงแปลว่า “ยังอยู่ชินกิ”
และ 나간 신기นากันชินกิ LeavingXeinQui ผุ้แปลไทยจึงแปลว่า “ออกไปชินกิ”

*****************************************

Source: Dogsul’s Blog
Trans: jyjholic2010
Th-trans: 3rebelangels.wordpress
Shared by: keep.faith2011~★

No comments:

Post a Comment